การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ เรื่อง KALASIN MOTTO สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

07/08/2023 เข้าชมแล้ว : 1136

 songkran66



ชื่อเรื่อง              การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ เรื่อง KALASIN MOTTO สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

ผู้วิจัย                นางสงกรานต์  พรมภาพ

หน่วยงาน           โรงเรียนเมืองสมเด็จ  องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์

ปีที่ทำการวิจัย       ปีการศึกษา  2565

 

บทคัดย่อ

          การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่าน   อย่างมีวิจารณญาณโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ เรื่อง KALASIN MOTTO สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย 1) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎี   คอนสตรัคติวิสต์ เรื่อง KALASIN MOTTO สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4  2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนด้วยรูปแบบ  การเรียนการสอนภาษาอังกฤษ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ เรื่อง KALASIN MOTTO สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ก่อนเรียนและหลังเรียน 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการสอนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎี คอนสตรัคติวิสต์  เรื่อง KALASIN MOTTO สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4  กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนเมืองสมเด็จ ตำบลลำห้วยหลัว อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์  จำนวน 30 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย  ได้แก่ แบบสอบถาม รูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ   เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ เรื่อง KALASIN MOTTO สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล  ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที t-test (Dependent Samples)

           ผลการวิจัยปรากฏ ดังนี้

  1. รูปแบบการเรียนการสอนนี้มีชื่อเรียกว่า “RITRA MODEL” โดยมี 7 องค์ประกอบดังนี้ 1) แนวคิดและทฤษฎีพื้นฐาน  2) วัตถุประสงค์  3) ขั้นการสอน มี 5 ขั้น ได้แก่ 1) ขั้นตรวจสอบความเข้าใจในการอ่าน (Reading Comprehension : R)  2) ขั้นบูรณาการแนวคิดใหม่ (Integrating : I)        3) ขั้นการสอนการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ (Teaching : T)  4) ขั้นการทบทวน (Reviewing : R)                             5) ขั้นประเมินผล (Assessing : A)  4) สาระความรู้  5) ระบบสังคม  6) หลักการตอบสนอง  และ      7) สิ่งสนับสนุน  รูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ เรื่อง KALASIN MOTTO สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 78.81/77.56 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 75/75 ที่ตั้งไว้
  2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 4 ที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ เรื่อง KALASIN MOTTO สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05  
  3. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการสอนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎี คอนสตรัคติวิสต์ เรื่อง KALASIN MOTTO สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 พบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 4/1 มีความพึงพอใจต่อการสอนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.74, S.D. = 0.45)

 
Download